น้ำยาแอร์ มีกี่ประเภท ความสำคัญของน้ำยาแอร์ ต้องเติมบ่อยแค่ไหน

น้ำยาแอร์

น้ำยาแอร์ ถือเป็นส่วนที่สำคัญของระบบปรับอากาศทำความเย็น บางครั้งการเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศแต่ไม่เย็น เปิดเหมือนไม่ได้เปิด อาจมีผลมาจากน้ำยาแอร์หมดหรือน้ำยาแอร์อยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งปัญหาน้ำยาแอร์เป็นปัญหาที่หลายๆ บ้านต้องเจอดังนั้น เราจึงได้รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับน้ำยาแอร์มาฝาก เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกคน ให้ทุกคนได้รู้จักกับน้ำยาแอร์มากขึ้น มีกี่ประเภท ความสำคัญของน้ำยาแอร์ ต้องเติมบ่อยจริงไหม? ทั้งหมดนี้เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน

มารู้จักกับ น้ำยาแอร์ กันก่อน

น้ำยาแอร์ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Refrigerants คือ ของเหลวที่ทำให้เกิดความเย็นหรือเรียกว่า “สารทำความเย็น” นั่นเอง เป็นตัวกลางทำหน้าที่ในการรับการดูดซับและนำพาความร้อน ทำให้เกิดการขยายตัวหรือมีการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวให้กลายเป็นไอ สารดังกล่าวเมื่อกลายเป็นไอแก๊สจะสามารถคืนตัวเปลี่ยนสถานะกลายเป็นของเหลวได้อีกครั้ง หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นเมื่อน้ำยาแอร์ โดนความร้อนหลังจากเปิดเครื่องปรับอากาศจะดูดซับความร้อนภายนอก สารเหลวเกิดการขยายตัวและกลายเป็นไอความเย็นออกมามีการหมุนเวียนซึ่งจะหยุดการทำงานก็ต่อเมื่ออุณหภูมิสูงกว่าที่ตั้งค่าไว้และจะกลับมาทำงานใหม่อีกครั้งเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า โดยปกติการเติมน้ำยาแอร์ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องปรับอากาศ

ความสำคัญของน้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็น

น้ำยาแอร์หรือ สารทําความเย็น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในระบบทำความเย็นหรือเครื่องปรับอากาศ โดยสารทำความเย็นจะมีลักษณะเป็นของเหลวจุดเดือดต่ำใช้กับเครื่องทำความเย็นและยังมีการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวให้เป็นไอหรือแก๊ส สามารถคืนตัวกลับมาเป็นของเหลวได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำยาแอร์หมดอาจมีสัญญาณเตือนบ่งบอก เครื่องปรับอากาศของคุณมีแต่ลมออกมาไม่มีความเย็น มีน้ำแข็งเกาะภายในตัวเครื่อง หรือเครื่องปรับอากาศทำความเย็นได้น้อยลง สาเหตุอาจเกิดจากการรั่วของน้ำยาแอร์ซึ่งจะต้องเรียกช่างแอร์ผู้เชี่ยวชาญมาหารอยรั่วและทำการซ่อมอุดรอยรั่วแอร์ ก่อนเติมน้ำยาแอร์กลับเข้าไปใหม่

ชนิดของน้ำยาแอร์ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

1.น้ำยาแอร์ชนิด R22

การเติมน้ำยาแอร์บ้านในปัจจุบันนิยมใช้ น้ำยาแอร์ r22 กันอย่างแพร่หลาย สารจำพวก Chloro Fluoro Carbons ไม่มีกลิ่นไม่มีพิษ ความถ่วงจำเพาะของสารในสถานะก๊าซหนักกว่าอากาศทำให้มีจุดเดือดต่ำกว่าสารทั่วๆ ไปมักถูกใช้ในการทำความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ สำหรับแอร์บ้านนิยมใช้น้ำยาแอร์ R-22 (Freon-22) ซึ่งมีจุดเดือด -40.B’C

2.น้ำยาแอร์ชนิด R32

น้ำยาแอร์ r32 ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนสารทำความเย็นชนิด R 22 มีค่า ODP ต่ำกว่าไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ แต่ข้อด้อยคือมีราคาสูงและถึงจะไม่ทำลายชั้นโอโซนแต่ก็ส่งผลกระทบต่อภาวะเรือนกระจก

3.น้ำยาแอร์ชนิด R410a

น้ำยาแอร์ r410a เป็นสารทําความเย็นที่ใช้ในปัจจุบัน ถูกใช้ทดแทนสารทำความเย็นอาร์ 22 เพื่อให้เข้ากับระบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น สามารถให้ความเย็นได้มากกว่า R22 ถึง 40% แต่ข้อเสียคือไม่สามารถใช้ได้กับระบบ R 22 ได้ ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาน้ำยาแอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง บำรุงรักษาง่าย ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ แถมยังประหยัดพลังงานใช้งานได้ยาวนานจะต้องเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทั้งชุดเป็น R410a

4.น้ำยาแอร์ชนิด R600a และ R290

สารให้ความเย็น หรือน้ำยาแอร์ชนิด R600a และ R290 เป็นสารทำความเย็นที่กำลังอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาในอนาคต สารทำความเย็นชนิดดังกล่าวนั้นเป็นสารธรรมชาติจำพวกไฮโดรคาร์บอน มีความบริสุทธิ์สูงเป็นทางเลือกสำหรับในอนาคตเนื่องจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ทำลายชั้นโอโซน ลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ประหยัดไฟได้มากถึง 25%

น้ำยาแอร์อยู่ได้นานไหม ต้องเติมตอนไหน

น้ำยาแอร์อยู่ได้นานไหมจริงๆ แล้วอยู่ได้นานมาก น้ำยาแอร์ที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศเป็นระบบปิดหมายความว่าระดับของน้ำยาแอร์จะอยู่ในปริมาณเท่าเดิมไม่ลดหรือไม่หมด แม้ระยะเวลาจะผ่านไป 5-10 ปี ยกเว้นมีน้ำยาแอร์ขาด มาจากการรั่วไหลของท่อน้ำยาแอร์ ทั้งนี้อาจมาจากเครื่องปรับอากาศที่ใช้งานยาวนานหรือมีอายุใช้งานเกิน 5 ปี

เครื่องเช็คน้ำยาแอร์

วิธีเติมน้ำยาแอร์เอง พร้อมข้อควรระวังที่ต้องรู้

1.เติมน้ำยาแอร์เลือกชนิดที่เหมาะสม

วิธีเติมน้ำยาแอร์ อย่างแรกต้องตรวจสอบว่าต้องใช้สารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ชนิดไหน ยกตัวอย่างเช่น สารทำความเย็นชนิด R22 เหมาะสำหรับแอร์บ้านหรือแอร์ในออฟฟิศสำนักงานทั่วไป สำหรับน้ำยาแอร์บางประเภทจะไม่สามารถเติมผสมร่วมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำยาชนิด R410A ต้องทำการถ่ายเทน้ำยาชนิดเดิมออกให้หมดก่อน

2.ตรวจเช็กระบบท่อน้ำยาแอร์

การเติมน้ำยาแอร์ อย่างที่บอกว่าปกติแล้วน้ำยาแอร์จะมีอายุการใช้งานยาวนาน หากเกิดสถานการณ์น้ำยาแอร์หมด จะต้องตรวจสอบระบบการทำงานหรือหารอยรั่ว รีบซ่อมก่อนแนะนำให้ตรวจสอบโดยช่างแอร์ผู้เชี่ยวชาญหรือใช้วิธีการง่ายๆ คือการใช้น้ำสบู่ลูบไปตามท่อเพื่อหาว่าน้ำแอร์รั่วจากจุดไหน จุดนั้นจะเกิดเป็นฟองน้ำขึ้น

3.ดูดอากาศและความชื้นออก

นอกจากการนำน้ำยาแอร์เก่าออกให้หมดแล้ว จะต้องดูดอากาศและความชื้นออกให้หมดด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ปล่อยให้มีความชื้นหลงเหลืออยู่ เนื่องจากความชื้นอาจจับตัวกันเป็นเกร็ดน้ำแข็งในระบบท่อและไปขัดขวางการไหลของน้ำยาได้ หรืออาจกลายเป็นกรด Hydrochloric Acid ซึ่งไปทำลายโลหะให้เสียหายในระบบปรับอากาศ

4.เริ่มต้นเติมน้ำยาแอร์

การเติมน้ำยาแอร์บ้านสามารถปิดเครื่องคอมเพรสเซอร์และดูดน้ำยาออกจากถังที่อยู่ในรูปแบบก๊าซได้และดูที่ชุด Gauge Manifold หรือปัจจุบันดูว่าความเย็นอยู่ที่ระดับไหน น้ำยาแอร์ที่เติมไปเพียงพอแล้วหรือไม่

5.ตรวจสอบระดับของน้ำยาแอร์

การตรวจวัดระดับของสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ที่เติมไปว่าเพียงพอแล้วหรือไม่นั้น ให้ทำการปิดทั้งวาล์ว Low และ High จากนั้นดูที่ความดันของน้ำยาแอร์ ซึ่งน้ำยาแอร์ควรเติมเท่าไหร่นั้น สามารถดูได้จากรายละเอียดคู่มือการใช้งานเครื่องปรับอากาศจะบอกปริมาณการเติมน้ำยาแอร์เป็นน้ำหนักสามารถนำมาเปรียบเทียบกับน้ำหนักของถังน้ำยาที่ชั่งครั้งแรกและครั้งล่าสุด ว่าลดลงจากที่จดบันทึกไปมากน้อยเท่าไหร่

ข้อควรระวังในการเติมน้ำยาแอร์

  • เลือกใช้สารทำความเย็นที่เหมาะสมกับเครื่องปรับอากาศ การเลือกเติมน้ำยาแอร์ r32 หรือ เติมน้ำยาแอร์ r22 สามารถเติมน้ำยาเข้าไปได้เลยเพราะเป็นสารเชิงเดี่ยวไม่มีการผสมสารเพิ่มแต่ถ้าเป็นน้ำยา r410a มีสารผสมต้องถ่ายน้ำยาแอร์ชนิดเติมออกให้หมดก่อนทุกครั้ง
  • ต้องเติมน้ำยาสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ให้พอดีกับสเปคเครื่องตามที่ระบุเอาไว้ หากมีการเติมมากเกินกว่าสเปคของเครื่องปรับอากาศอาจเกิดอาการ Over Charge ทำให้แอร์ไม่เย็น
  • ก่อนเติมสารทำความเย็นจะต้องชั่งน้ำหนักของปริมาณน้ำยาแอร์ เพื่อให้เป็นไปตามการออกแบบมาตรฐานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง

เติมน้ำยาแอร์แล้ว แต่แอร์ไม่เย็น

หากน้ำยาแอร์หมดแล้ว มีการใส่น้ำยาแอร์หรือเติมสารทำความเย็นกลับเข้าไปแล้ว แต่ปรากฏว่าหลังจากเติมน้ำยาแอร์ไปแล้วแอร์ไม่เย็น ควรสังเกตที่ท่อส่งน้ำยาแอร์ว่ามีการอุดตันหรือมีรอยรั่วหรือไม่ ถ้าหากมีอุปกรณ์เสื่อมสภาพ สึกหรอ แอร์รั่ว ควรรีบแจ้งให้ช่างแอร์เข้ามาแก้ไขตรวจเช็กเพิ่มเติม และควรปิดใช้งานแอร์ไปก่อน

สัญญาณบ่งบอกว่าน้ำยาแอร์อาจจะหมด

  • แอร์มีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์
  • แอร์มีน้ำแข็งเกาะภายในตัวเครื่อง
  • แอร์ไม่เย็นหรือประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง
  • ต้องจ่ายค่าไฟสูงกว่าปกติ ทั้งที่มีการใช้งานแอร์เท่าเดิม

แอร์เสียแอร์พัง ซ่อมไม่หายเรียกช่างแอร์ Airyen แก้ไขตรงจุด-มืออาชีพ

แอร์เสีย แอร์พัง แอร์ตัน แอร์รั่วบ่อย น้ำยาแอร์ซึม ซ่อมยังไงก็ไม่หาย เติมน้ำยาแอร์ด้วยตัวเองไม่เป็น หรือยิ่งซ่อมก็ยิ่งแย่ ค่าใช้จ่ายสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่คุ้มซื้อเครื่องปรับอากาศใหม่ดีกว่าไหม อย่าพึ่งเครียดลองปรึกษา Airyen ดูก่อน ผู้ให้บริการซ่อมแอร์มืออาชีพ แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดกับช่างชำนาญการ บริการซ่อมแอร์ทุกอาการทุกปัญหา น้ำหยดจากแอร์ แอร์มีเสียงดัง รับซ่อมแอร์ราคาประหยัด มีการรับประกันงานหลังซ่อม นอกจากนั้นยังมีบริการล้างแอร์ ติดตั้งแอร์และขนย้ายแอร์ด่วนแบบครบวงจร

สาระความรู้เกี่ยวกับน้ำยาแอร์ในวันนี้ น้ำยาแอร์คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร มีกี่ชนิดพร้อมคำแนะนำในการเติมน้ำยาแอร์ข้อควรระวังต่างๆ หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกๆ คนหรือหากคุณกำลังเจอปัญหาแอร์รั่วไม่เย็น แอร์เสีย แอร์พัง น้ำยาแอร์รั่ว น้ำยาแอร์หมด ปรึกษาแอร์เย็นได้ผู้ให้บริการซ่อมแอร์มืออาชีพ ที่พร้อมให้บริการทั่วทุกพื้นที่ ในราคาประหยัด การันตีโดยช่างซ่อมแอร์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์กว่า 30 ปี บริการเป็นกันเอง สะดวก รวดเร็ว ทุกเซอร์วิสเรื่องแอร์

ช่องทางติดต่อเราเพิ่มเติม

บริษัท แอร์เย็น เซอร์วิส แอนด์ ซัพพลาย จํากัด

(เวลาทําการ 08.00 – 18.00 น.)


โทรศัพท์ : 065-558-2082

Facebook : Airyenservice

Line : @Airyen

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *